Facial Design
สลายไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด โดยการฉีดตัวยาเข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิว เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นแก้ม เหนียง ต้นแขน หน้าท้อง หรือต้นขา โดยไม่ต้องผ่าตัด
เมโสแฟต หรือชื่อเต็มว่า Mesotherapy Fat Reduction คือเทคนิคการสลายไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด โดยการฉีดตัวยาเข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิว เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นแก้ม เหนียง ต้นแขน หน้าท้อง หรือต้นขา โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และไม่เจ็บมาก
ตัวยาเมโสแฟตประกอบด้วยสารสำคัญที่ช่วย:
เร่งการแตกตัวของเซลล์ไขมัน (Lipolysis)
กระตุ้นการไหลเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง
ลดอาการบวมน้ำและช่วยให้ผิวกระชับขึ้น
เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นไขมัน สารในเมโสแฟตจะทำให้ไขมันแตกตัว จากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ ขับออกทางระบบของเสียตามธรรมชาติ เช่น ปัสสาวะและเหงื่อ
แก้ม (ลดหน้าบาน ใบหน้าเรียวขึ้น)
เหนียง (ใต้คาง)
ต้นแขน
หน้าท้อง
ต้นขา
แผ่นหลัง หรือเอวด้านข้าง (ปีกหลัง)
ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
ลดไขมันเฉพาะจุดได้ตรงจุด
เห็นผลไวใน 5-7 วัน
ผิวบริเวณที่ฉีดกระชับขึ้น
ราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับวิธีอื่น
ปลอดภัย หากใช้ผลิตภัณฑ์แท้และฉีดโดยแพทย์
หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ผู้ที่มีโรคตับหรือไตรุนแรง
ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาในกลุ่มเมโส
คนที่ต้องการลดไขมันปริมาณมาก (ควรใช้วิธีดูดไขมันร่วม)
A: ส่วนมากเห็นผลหลังทำประมาณ 5-7 วัน และควรทำต่อเนื่อง 3–5 ครั้ง ห่างกัน 1–2 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนาน
A: หากควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ไขมันที่สลายแล้วจะไม่กลับมาอีกง่าย ๆ แต่ถ้าทานมากเกินไป ไขมันก็อาจสะสมกลับมาใหม่
A: เจ็บเล็กน้อยคล้ายถูกจิ้ม แต่สามารถประคบน้ำแข็งหรือลงยาชาได้
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเมโสแฟตคือการ “ลดน้ำหนัก” ทั้งตัว แต่ในความเป็นจริง เมโสแฟตเหมาะสำหรับการลดไขมันเฉพาะจุด เช่น แก้ม เหนียง หรือต้นแขน ซึ่งไขมันบริเวณเหล่านี้มักดื้อยา และไม่ลดลงแม้ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย
วิธีลดไขมัน | เหมาะสำหรับ | ผลลัพธ์ | ระยะเวลาเห็นผล | ข้อจำกัด |
---|---|---|---|---|
เมโสแฟต | ไขมันเฉพาะจุด | เฉพาะจุดที่ฉีด | 5-7 วัน | ต้องทำต่อเนื่อง |
ออกกำลังกาย | ลดทั้งตัว | ทั่วร่างกาย | 1-3 เดือน | ต้องมีวินัยสูง |
ดูดไขมัน | ปริมาณมาก | ชัดเจนรวดเร็ว | ทันทีหลังหายบวม | ต้องพักฟื้น / ผ่าตัด |
💡 ดังนั้น เมโสแฟตเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดไขมันบางจุดบนใบหน้า/ร่างกาย โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น เห็นผลเร็ว และราคาย่อมเยา
🚫 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเมโสแฟต
❌ เมโสแฟตคือการลดน้ำหนักทั้งตัว
→ จริง ๆ แล้วเมโสแฟตลดเฉพาะไขมันเฉพาะจุด ไม่สามารถลดน้ำหนักโดยรวมได้
❌ ฉีดครั้งเดียวแล้วอยู่ถาวร
→ ไขมันสามารถกลับมาได้ หากไม่ควบคุมอาหารและไลฟ์สไตล์
❌ ฉีดแล้วผิวหย่อนคล้อย
→ หากฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และใช้เทคนิคที่เหมาะสม จะช่วยให้ผิวกระชับ ไม่หย่อน
ประเมินใบหน้าหรือร่างกายโดยแพทย์
วางแผนการฉีดให้เหมาะกับปริมาณไขมันและเป้าหมายของแต่ละคน
ทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีด
เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
อาจทายาชาหรือประคบเย็น
เพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีด
ฉีดเมโสแฟตลงในชั้นไขมัน
โดยแพทย์จะใช้เทคนิคเฉพาะในการกระจายยาให้ทั่วบริเวณที่ต้องการ
คำแนะนำหลังฉีด
ดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเพื่อผลลัพธ์ชัดเจนและอยู่ได้นาน
ไม่ควรฉีดเมโสแฟตถี่เกินไป ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง
หลีกเลี่ยงคลินิกที่ไม่มีแพทย์ดูแล หรือใช้ตัวยาไม่มีฉลากชัดเจน
ควรฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญด้านการออกแบบรูปหน้า เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงาม
✅ ประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางทุกเคส
✅ ใช้เทคนิคปลอดภัย ไม่บวม ไม่ช้ำ
✅ ฉีดโดยแพทย์เท่านั้น ไม่มีฉีดโดยผู้ช่วย
✅ ดูแลต่อเนื่องหลังฉีด พร้อมแนะนำวิธีดูแลตัวเอง
✅ ราคายุติธรรม เห็นผลจริง
หลายคนมักสับสนระหว่าง “เมโสแฟต” กับ “โบท็อกซ์” เพราะทั้งสองเป็นหัตถการที่ช่วยให้หน้าเรียวลงได้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีจุดประสงค์และกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้
| เมโสแฟต | โบท็อกซ์ |
---|---|---|
หน้าที่หลัก | สลายไขมันเฉพาะจุด | ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ |
เหมาะสำหรับ | ลดไขมันแก้ม เหนียง ต้นแขน | ลดกราม ลดริ้วรอยหน้าผาก ตีนกา |
ผลลัพธ์ | หน้าเรียวจากไขมันลดลง | หน้าเรียวจากกล้ามเนื้อเล็กลง |
ระยะเวลาเห็นผล | 5–7 วันหลังฉีด | 3–7 วันหลังฉีด |
อยู่ได้นาน | 1–2 เดือน (ขึ้นกับพฤติกรรม) | 4–6 เดือน |
การฉีดซ้ำ | ควรทำทุก 2–3 สัปดาห์จนกว่าจะพอใจ | ฉีดซ้ำทุก 4–6 เดือน |
ราคาโดยเฉลี่ย | ถูกกว่าโบท็อกซ์ | ราคาสูงกว่าบางกรณี |
💡 สรุป
ถ้าคุณมี “แก้มเยอะ เหนียงเยอะ” → เหมาะกับเมโสแฟต
ถ้าคุณมี “กรามใหญ่ หน้าเหลี่ยม” จากกล้ามเนื้อ → เหมาะกับโบท็อกซ์
หลายกรณีแพทย์อาจแนะนำ ฉีดทั้งสองร่วมกัน เพื่อผลลัพธ์ที่เรียวชัดแบบครบมิติ
สำหรับคนที่ต้องการ ผลลัพธ์หน้าเรียว กระชับชัดเป๊ะ อย่างเห็นได้ชัด การฉีดเมโสแฟตเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอ
เพราะแม้จะลดไขมันได้ แต่ผิวอาจยังไม่ยกกระชับเต็มที่แพทย์จึงแนะนำให้ ผสานการทำ HIFU หรือ Thermage ร่วมกับเมโสแฟต ดังนี้
เมโสแฟตช่วยสลายไขมันเฉพาะจุด เช่น แก้ม เหนียง
HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ยิงคลื่นเสียงความเข้มข้นสูงลงสู่ชั้น SMAS
ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยหลังไขมันลด
ได้ผลลัพธ์หน้าเรียว + หน้าเด้ง ในเวลาเดียวกัน
เหมาะสำหรับคนอายุ 25–40 ปี
Thermage ใช้คลื่น RF กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนลึกถึงผิวชั้นลึก
เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมและผิวเริ่มหย่อนคล้อยจากอายุ
ทำให้ผิวตึงขึ้นหลังไขมันลด
เหมาะสำหรับคนอายุ 30 ปีขึ้นไปที่เริ่มมีปัญหาความหย่อนคล้อย
เมโสแฟต = “ลดปริมาณไขมัน”
HIFU / Thermage = “ยกกระชับผิวหลังไขมันลด”
ช่วยให้ใบหน้าเรียวขึ้นโดยไม่หย่อน
เหมาะมากสำหรับคนที่อยาก หน้าเรียวแต่ไม่ผ่าตัด